ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อก
สวัสดีค่ะผู้เยี่ยมชมบล็อกทุกท่าน บล็อกนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา นวัตกรรม เทคโนโลยีและสารสนเทศทางการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 3

หน่วยที่ 2

หน่วยที่ 2 หลักการแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยีและสารสนเทศทางการศึกษา


        หลักการ/ทฤษฎี/วิธีการ/แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษาทำให้ได้ทราบถึงหลักการและทฤษฎีทางจิตวิทยาการศึกษา ซึ่งได้แก่
        ทฤษฎีจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมเน้นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้า (Stimulas) และ การตอบสนอง (Response)

        ทฤษฎีการวางเงื่อนไข (Conditioning Theory) เจ้าของทฤษฎีนี้คือ พอฟลอบ (Pavlov) กล่าวไว้ว่า ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่งของร่างกายของคนไม่ได้มาจากสิ่งเร้าอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว สิ่งเร้านั้นก็อาจจะทำให้เกิดการตอบสนองเช่นนั้นได้ ถ้าหากมีการวางเงื่อนไขที่ถูกต้องเหมาะสม

     ทฤษฎีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง (Connectionism Theory) เจ้าของทฤษฎีนี้ คือ ธอร์นไดค์ (Thorndike) ซึ่ง กล่าวไว้ว่า สิ่งเร้าหนึ่ง ๆ ย่อมทำให้เกิดการตอบสนองหลาย ๆ อย่าง จนพบสิ่งที่ตอบสนองที่ดีที่สุด เขาได้ค้นพบกฎการเรียนรู้ที่สำคัญคือ
     1. กฎแห่งการผล (Law of Effect)
     2. กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise)
     3. กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness)

       แนวคิดของธอร์นไดค์  ให้กำเนินทฤษฎีแห่งการเรียนรู้ ได้เสนอหลักการ ภารกิจของการสอนของครูไว้ 2 ประการ คือ

      1. ควรจัดเรื่องหรือสิ่งที่จะสอนต่าง ๆ ที่ควรจะไปด้วยกัน ให้ได้ดำเนินไปด้วยกัน

      2. ควรให้รางวัลการสัมพันธ์เชื่อมโยงที่เหมาะสม

หลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษาและการสอนของเขา ไว้ 5 ประการคือ
      1. การกระทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง

      2. การทำให้เกิดความสนใจด้วยการจูงใจ

      3. การเตรียมสภาพที่เหมาะสมทางจิตภาพ

     4. คำนึงถึงเรื่องเอกัตบุคคล

     5. คำนึงถึงเรื่องการถ่ายทอดทางสังคม

       ทฤษฎีการวางเงื่อนไข/ทฤษฎีการเสริมแรง (S-R Theory หรือ Operant Conditioning)

เจ้าของทฤษฎีนี้คือ สกินเนอร์ (Skinner) กล่าว ว่า ปฏิกิริยาตอบสนองหนึ่งอาจไม่ใช่เนื่องมาจากสิ่งเร้าสิ่งเดียว สิ่งเร้านั้นๆ ก็คงจะทำให้เกิดการตอบสนองเช่นเดียวกันได้ ถ้าได้มีการวางเงื่อนไขที่ถูกต้อง
         แนวคิดของสกินเนอร์   

              นำมาใช้ในการสอนแบบสำเร็จรูป หรือการสอนแบบโปรแกรม

  หลักการและทฤษฎี เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษาในแง่ของการเรียนรู้ 
                คาร์เพนเตอร์ และเดล(C.R. Carpenter and Edgar Dale) ได้ประมวลหลักการและทฤษฏีเทคโนโลยีทางการศึกษาในลักษณะของการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ 10 ประการ คือ

1.หลักการจูงใจ 

2.การพัฒนามโนทัศน์

3.กระบวนการเลือกและการสอนด้วยสื่อเทคโนโลยี  

4.การจัดระเบียบประสบการณ์เทคโนโลยีทางการศึกษา 

5.การมีส่วนรวมและการปฏิบัติ 

6.การฝึกซ้ำและการเปลี่ยนแปลงสิ่งเร้าบ่อยๆ 

7.อัตราการเสนอสื่อในการเรียนการสอน 

8.ความชัดเจน ความสอดคล้อง และความเป็นผล 

9.การถ่ายโยงที่ดี 

10.การให้รู้ผลการเรียนรู้จะดีขึ้น 

         แนวคิดของบูเกสสกี (Bugelski) 

             การเรียนรู้จะเป็นผลจากการกระทำของผู้เรียน ไม่ใช้กระบวนการถ่ายทอดของผู้สอน

         ทฤษฎีการรับรู้

             เมื่อมีสิ่งเร้าเป็นตัวกำหนดให้เกิดการเรียนรู้ได้นั้นจะต้องมีการรับรู้เกิดขึ้น ก่อน เพราะการรับรู้เป็นหนทางที่นำไปสู่การแปลความหมายที่เข้าใจกันได้

จิตวิทยาการเรียนรู้

         การเรียนรู้ หมายถึง กระบวนการที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรม  กิจกรรมที่ผู้เรียนแสดงออก และสามารถสังเกต   และวัดได้จากการศึกษากระบวนการเรียนรู้จึงต้องศึกษาเรื่องของพฤติกรรมมนุษย์ที่เปลี่ยนไปในลักษณะที่พึงประสงค์

ทฤษฎีกลุ่มความรู้ (Cognitive)

         นักทฤษฎีทางการศึกษาและนักจิตวิทยากลุ่มนี้เน้นความสำคัญของส่วนรวม ทฤษฎีทางจิตวิทยา

ทฤษฎีระบบ (System Theory)
        ศิริวรรณ เสรีรัตน์. สมชาย หิรัญกิตติสุดา สุวรรณาภิรมย์ลัทธิกาล ศรีวะรมย์และ ชวลิต ประภวานนท์ (2539, หน้า 31) ให้ความหมายของระบบว่าเป็นกลุ่มของส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งกัน ต้องการบรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกัน

ทฤษฏีการเผยแพร่  (Diffusion  Theories)

         การเผยแพร่  (Diffusion)  หมายถึง  กระบวนการที่ทำให้นวัตกรรมนั้นได้รับการยอมรับและ

ถูกนำไปใช้โดยสมาชิกของชุมชนที่เป็นเป้าหมาย 

การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ Bloom ( Bloom's Taxonomy)

Bloom ได้แบ่งการเรียนรู้เป็น 6 ระดับ 

       1. ความรู้ที่เกิดจากความจำ

       2. ความเข้าใจ

       3. การประยุกต์

       4. การวิเคราะห์

       5. การสังเคราะห์

       6.การประเมินค่า

    ทฤษฎีการเรียนรู้ 8 ขั้น ของกาเย่  ( Gagne ) 

       ทฤษฎีของกาเย่ นี้จะให้ความสำคัญในการจัดลำดับขั้นการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ไดอย่างมีประสิทธิภาพ

       ซึ่งทฤษฎีการเรียนรู้ 8 ขั้น ประกอบด้วย 

      -การจูงใจ

      -การรับรู้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

      -การปรุงแต่งสิ่งที่รับรู้ไว้เป็นความจำ

     -ความสามารถในการจำ

     -ความสามารถในการระลึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว

     -การนำไปประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เรียนรู้ไปแล้ว

     -การแสดงออกพฤติกรรมที่เรียนรู้

     -การแสดงผลการเรียนรู้กลับไปยังผู้เรียน

     องค์ประกอบที่สำคัญที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ 

    1.ผู้เรียน

    2.สิ่งเร้า

    3.การตอบสนอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น